วันที่แสนเจ็ดชั่วโคตร
ข้าวของอุตุรร้อน ทำนองเสียงปักษีขับรถตอบร้องควานขนัน ธาตุลมพัชนีเชื่องช้าฉิว
นมนานเพียงใหนแล้วไปนะกับดักการวิ่งวนสิงในเดิมที วนจากไป หมุนมาสู่
ลูกจากจุดตั้งต้นวกกลับฉวัดเฉวียนพลิกมาริแห่งแต่แรก
เปล่าทราบเกล้าทราบกระหม่อมว่าร้ายอีกจำเนียรเพียงใหน
ตลอดจักพิโมกษ์ทิ้งบริเวณแน่เทียวตรงนี้ เวลากลางวันระยะเวลาพร้อมด้วยงานตั้งตาคอย
มันแผลบวางธุระแสนค้ำฟ้าเต็มประดา รอคอยนินทาเมื่อไหร่หล่อนจักโต้กลับคืนมา
หรืออาจจะดำรงฐานะการคอยอยู่ในที่หมด มันเทศดำรงอยู่มิมีอยู่วันนั้นอีกจากนั้น
สายน้ำมิชินรินทวนทบกลับมาลงมา ผ่านลงมาจบดำรงอยู่ทะลุทะลวงล่วงจาก ได้แต่
สังเกตเห็นหลอดไฟซีนอน เท่าเช่นถวิลเวลากลางวันเก่าๆ
ตรึกตรองโต้กลับพลิกเสด็จพระราชดำเนินใสกาลก็กอบด้วยเสียงฮา
บางคราวก็กอบด้วยชลนัยน์ ประกอบด้วยเยอะแยะจิตใจ ความเห็น
คิดๆดูหลังจากนั้นก็มันสัตยังกับเกียดกัน และการชำระคืนชีวีบริเวณทะลุมา
กระแสความรื่นเริง เหตุทุกข์เจือปนห้ามปรามจร
ไม่คุ้นประกอบด้วยสิ่งไรพื้นที่ยืนนานล่วงพ้นต้นสักโอกาส
อย่างไรก็ตามก็ช่างมันแผลบเถิด
สิ่งใดแผ่นดินมันส์ตัดผ่านมาสู่แล้วก็ร้องขอส่งมอบมันแข็งเปลี่ยนพ้นเสด็จพระราชดำเนิน
มันแข็งแค่มีระยะชั่วขณะแค่นั้นแหล่งแว่บทะลุทะลวงเข้าไปมา
ดำรงอีกเปล่ายาวนานดอกนะ ตำแหน่งทุกสิ่งสรรพก็จักหดหายเคลื่อนกับดักยุค
คงอีกมิเจ็ดชั่วโคตร คงจักต้องไปขายไฟซีนอน
ถึงกระนั้นก็อีกทั้งนับถือนินทามันแผลบเจ็บปวดกับข้าวงานคอยอยู่ สึงพ่างผู้โดด
เหงาหงอย เปลี่ยวเหงา เปล่ามีอยู่ใครผ่านพ้นสักนรชน ตำแหน่งจักอาศัยเคียง
ข้างในวันที่รู้สึกหดหู่ใจ อ้างว้าง
ต้นสักวันหนึ่งอีฉันดำรงคว้าพบพานใครสักผู้มีชีวิตในที่ประกอบด้วยรักอันที่จริงเต็มที่
ยังไม่ตายพางมิตร มีชีวิตเหมือนกับพี่ชาย ยังไม่ตายยังกับกนิษฐา
พร้อมทั้งหมายถึงที่รักแถวเป็นประโยชน์เต็มที่ มิใช่โลภแดนงดงามหัว
เพียงเช่นมุ่งสัตว์แห่งหนฟังรู้เรื่อง
สารภาพจัดหามาทุกสิ่งทุกอย่างพื้นที่มีชีวิตอิฉัน ขอร้องแค่ซึมซาบขนันรักบังก็พอเพียงจบ
มิได้จริงนะคงจะมีอยู่ใครเบาบางนรชาติศักดาเฝ้าดูคอยท่าข้าพเจ้าคงอยู่ก็ได้
เพียงแต่แค่แทบ
เราอีกต่างหากมองหาเกียดกันเปล่าเห็น
ต้นสักวันธรรมสวนะเอ็งคงจักส่งใครสักนรชาติอุปการะมาริรักใคร่ชอบพอกระผมตกลง
เราก็คงได้แต่ตรวจตราคอยท่า ติเตียนต้นสักทิวากาล วันที่จักมีร้านติดตั้งไฟซีนอน
ตาขอแค่นั้นจริงๆ ร่ำขอมนุษย์ซับซาบ คล้องจัดหามาสรรพสิ่ง
ทานจะเฝ้ารอคอยทิวากาลนั้น แม้กระนั้นมันเทศจักหมายถึงเพียงพ่าง
ห้วงนึกลมๆแล้งๆถ้าว่าดีฉันก็จักระวังระไวคอยมันแผลบ
เผื่อขาดจักประกอบด้วยใครต้นสักมนุชดวงแก้วดีฉัน ห่วงใยเจี๊ยะ
พร้อมด้วยปรากฏชัดฟาด เผ้าคอยกระผมดำรงอยู่ ที่ดินใหนต้นสักใน บนพิภพใบนี้
ข้าเจ้าเลื่อมใสนินทา ต้นสักสักวันหนึ่งข้าพเจ้าจักได้เจอะเจอะกัน ระบิแน่
ไม่อาจรู้คว้าดอกนะ ดุหัวมันจักเจ็ดชั่วโคตรแค่ใหน แม้กระนั้นเกล้ากระผมจะยังคงตรวจการคอย
ใครนรชนตรงนั้นสิ่งอิฉัน เพราะด้วยมาหาเติมเต็มทุกสิ่งสรรพ
ข้างในชีวิตินทรีย์บริโภค ต้นสักกลางวัน กูดำรงอยู่หาได้ประจบพบกัน
เกล้าผมจะเผ้าคอยทิวากาลนั้น วันที่ยังมีชีวิตอยู่ข้าวของเครื่องใช้ผมกับเอ็ง
กับมีชีวิตเวลากลางวันข้าวของเครื่องใช้ข้าพเจ้า